คนแรกของสถิติสำคัญต่าง ๆ ในพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 2019-2020

ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20 เปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแต่ละทีมต่างก็ลงสนามเกมแรกกันไปครบทุกทีม ว่าแล้วก็ลองไปดูกัน ว่าใครคือ “คนแรก” ของการเป็นเจ้าของสถิติสำคัญ ๆ ในฤดูกาลนี้กันบ้าง

ประตูแรก และทำเข้าประตูตัวเองคนแรก : แกรนท์ แฮนลี่ย์ (นอริช ซิตี้)
กองหลังทีมนกขมิ้น เป็นเจ้าของสถิติที่ตัวเขาเองคงไม่อยากจะเป็นสักเท่าไร เพราะถึงแม้จะมีชื่อเป็นคนทำประตูแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ แต่กลับเป็นการ “ยิงประตูผิดฝั่ง” ซะอย่างนั้น สำหรับประตู Own Goal ของแฮนลี่ย์ เกิดขึ้นตั้งแต่นาทีที่ 7 ของเกมนัดเปิดหัวคืนวันศุกร์ ที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านถล่ม นอริช ไป 4-1

อาเดรียน ผู้รักษาประตูสำรองของลิเวอร์พูล
อาเดรียน ผู้รักษาประตูสำรองของลิเวอร์พูล

เปลี่ยนตัวครั้งแรก : อาเดรียน ลงแทน อลีสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล)
ปกติแล้ว ผู้รักษาประตูคือตำแหน่งที่จะไม่โดนเปลี่ยนตัวแน่ๆ ยกเว้นแต่มีอาการบาดเจ็บ ซึ่งทีมหงส์แดงจำเป็นต้องถอดมือหนึ่งอย่าง อลีสซง ตั้งแต่ยังไม่ทันจบครึ่งแรกของเกมถล่ม นอริช 4-1 เพราะนายด่านทีมชาติบราซิลมีอาการบาดเจ็บในจังหวะเตะเปิดเกมจากประตู นั่นทำให้ อาเดรียน ผู้รักษาประตูชาวสเปนที่เพิ่งเซ็นสัญญาคว้าตัวเข้ามาเป็นมือสอง ได้โอกาสลงประเดิมสนามในถิ่นแอนฟิลด์เร็วกว่าที่คิด

ใบเหลืองแรก : โมริทซ์ ไลท์เนอร์ (นอริช ซิตี้)
ในเกมที่ นอริช ออกไปโดน ลิเวอร์พูล ถล่มยับ 4-1 ดาวเตะชาวเยอรมันรายนี้ ถูกเปลี่ยนลงสนามแทนที่ มาร์โค สตีเปอร์มันน์ ในนาทีที่ 58 แต่หลังจาก ไลท์เนอร์ ลงสนามแค่ไม่ถึง 2 นาที ก็กลายเป็นผู้เล่นที่โดนจดชื่อเป็นคนแรกของฤดูกาลอย่างรวดเร็ว จากการทำฟาวล์ตัดเกมใส่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

VAR เปลี่ยนคำตัดสินครั้งแรก : การปฏิเสธประตูของ กาเบรียล เชซุส (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ในเกมหัวค่ำวันเสาร์ ที่แชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กาเบรียล เชซุส เกือบจะทำประตูที่ 2 ของตัวเองได้ จากจังหวะยืนแปโล่งๆ หน้าประตูตุงตาข่าย ในนาทีที่ 53 ของเกม

สถานการณ์ตอนนั้น แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูไปก่อนแล้ว 2 ประตู ถ้าหากลูกนั้นเข้าไป ทีมเรือใบสีฟ้าจะนำห่าง 3-0 แต่หลังจากที่บอลกลิ้งเข้าสู่ก้นตาข่าย ทีมงาน VAR แจ้งกับผู้ตัดสินว่าอาจมีจังหวะล้ำหน้าก่อนหน้านั้น ซึ่งเมื่อ ไมค์ ดีน ไปเช็คเหตุการณ์ย้อนหลัง ก็พบว่าคนที่แอสซิสต์ให้ เชซุส ยิงอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง อยู่ในตำแหน่งออฟไซด์แค่นิดเดียวจริง ๆ อย่างไรก็ตาม สุดท้าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังยิงใส่ขุนค้อนเพิ่มได้อยู่ดี ก่อนจบเกมด้วยการบุกถล่ม 5-0

จุดโทษลูกแรก : เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ในเกมหัวค่ำวันเสาร์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้จุดโทษในนาทีที่ 83 เมื่อ ริยาด มาห์เรซ ลากบอลไปโดน อิสซ่า ดิย็อป เตะล้มลง แล้วเป็น เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวยิงตัวเก่งที่ลงมาเป็นตัวสำรองรับหน้าที่สังหาร ในการซัดครั้งแรก “กุน” ยิงไปติดเซฟของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ แต่ว่าหัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินายังโชคดี เพราะ VAR ตรวจสอบพบว่ามีนักเตะของเวสต์แฮมวิ่งเข้าไปในเขตโทษก่อนในจังหวะที่เขายิง และหลังจากได้โอกาสยิงใหม่ คราวนี้ อเกวโร่ ซัดไม่พลาด เบิกสกอร์แรกของตัวเองในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ เป็นประตูที่ 4 ของ แมนฯ ซิตี้ ก่อนจะประเดิมชัยชนะนัดแรกด้วยสกอร์ 5-0

แฮตทริกคนแรก : ราฮีม สเตอร์ลิง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ปีกตัวจี๊ดทีมชาติอังกฤษ คือนักเตะคนแรกและคนเดียวจากสัปดาห์เปิดฤดูกาล ที่ได้ลูกบอลกลับบ้านไปครอง หลังเหมาคนเดียว 3 ประตูจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ล้วนๆ ให้ แมนฯ ซิตี้ บุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 5-0 จากผลงานสุดยอดของ สเตอร์ลิง ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 9 ปี ที่กดแฮตทริกได้ในเกมนัดเปิดฤดูกาล ต่อจาก ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่ทำได้ในเกมที่ เขลซี ถล่ม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 6-0 ในฤดูกาล 2010-11

โดนไล่ออกคนแรก : มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน (เอฟเวอร์ตัน)
อดีตกองกลางแมนฯ ยูไนเต็ด ยังออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในฤดูกาลใหม่ และกลายเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่โดนไล่ออกจากสนามในสัปดาห์แรกของซีซั่น เมื่อโดนใบเหลืองสองใบ ในเกมที่บุกไปเสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0

จ่าฝูงสัปดาห์แรก : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
หลังจากที่โชว์ความเขี้ยวลากดิน เก็บชัยชนะรวดตลอด 14 นัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว จนป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกไว้ได้ โดยมีคะแนนเหนือกว่า ลิเวอร์พูล เพียงแต้มเดียว มาซีซั่นใหม่ พวกเขายังไม่ยอมให้ทีมหงส์แดงมีอันดับเหนือกว่าพวกเขาตั้งแต่สัปดาห์แรก

แม้ ลิเวอร์พูล จะเป็นทีมแรกที่ขึ้นนำจ่าฝูง เพราะคว้าชัยชนะก่อนใครเพื่อนจากการเปิดบ้านถล่ม นอริช 4-1 แต่ แมนฯ ซิตี้ ปล่อยให้ทีมหงส์แดงนำแค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็แซงกลับคืนด้วยการถล่ม เวสต์แฮม ยับ 5-0 และกลายเป็นทีมที่ได้ชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดในสัปดาห์เปิดหัวไป

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่บทเริ่มต้นของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 เท่านั้น การขับเคี่ยวลุ้นแชมป์, ลุ้นดาวซัลโว, ลุ้นโควตาฟุตบอลยุโรป และการหนีตกชั้น คงต้องติดตามดูกันยาว ๆ ไปจนถึงโค้งสุดท้ายอยู่ดี