สรุปนักเตะเจ้าของค่าตัวแพงที่สุด ของ 20 ทีมพรีเมียร์ลีก

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ค่าตัวนักเตะของสโมสรในพรีเมียร์ลีกมีราคาสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรายได้ที่มากขึ้นของทีมในลีกสูงสุดอังกฤษ จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และสปอนเซอร์ที่สูงกว่าเดิม  หลังจากตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ปิดลงไปเป็นที่เรียบร้อย มีหลายทีมที่เพิ่งทุบสถิติค่าตัวนักเตะแพงที่สุดของสโมสรไป ว่าแล้วลองไปดูกันว่า เจ้าของตำแหน่ง “นักเตะค่าตัวแพงที่สุด” ของทั้ง 20 สโมสรในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20 จะเป็นใครกันบ้าง?

อาร์เซน่อล : นิโกล่าส์ เปเป้ (72 ล้านปอนด์) ย้ายจาก ลีลล์ กรกฎาคม 2019
ทีมปืนใหญ่ทุ่มเงินสูงอย่างไม่น่าเชื่อ เพื่อคว้าตัวปีกขวาทีมชาติไอวอรี่โคสต์ที่ทำผลงานโดดเด่นใน ลีก เอิง ฤดูกาล 2018-19 มาร่วมทีม โดยนักเตะตกเป็นเป้าหมายเสริมทัพของหลายทีมดังทั่วยุโรป อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า อาร์เซน่อล จะจ่ายค่าตัวเบื้องต้นของเปเป้เพียง 20 ล้านปอนด์ก่อน นอกนั้นจะใช้เวลาผ่อนให้ครบ ภายในเวลา 5 ปี

แอสตัน วิลล่า : เวสลี่ย์ โมราเอส (22 ล้านปอนด์) ย้ายจาก คลับ บรูช มิถุนายน 2019
หลังจากเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ทีมสิงห์ผงาดจัดหนัก ทุ่มเงินกว่า 120 ล้านปอนด์เพื่อยกระดับขุมกำลัง และศูนย์หน้าชาวบราซิเลียนรายนี้ ก็คือนักเตะค่าตัวแพงสุดของพวกเขา

บอร์นมัธ : เจฟเฟอร์สัน เลอร์ม่า (25 ล้านปอนด์) ย้ายจาก เลบันเต้ สิงหาคม 2018
กองกลางทีมชาติโคลอมเบีย ย้ายสู่ถิ่น ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม ก่อนวันตลาดซื้อขายนักเตะปิดลงแค่ 1 วันเท่านั้น ก่อนกลายเป็นกำลังสำคัญพา บอร์นมัธ รอดตกชั้นได้แบบสบายๆ

ไบรท์ตัน : อดัม เว็บสเตอร์ (20 ล้านปอนด์) ย้ายจาก บริสตอล ซิตี้ สิงหาคม 2019
จากการที่ ลูอิส ดังค์ มีโอกาสย้ายไป เลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อแทนที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ย้ายไป แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ทีมนกนางนวล ต้องรีบหาตัวแทนมาไว้ก่อน และจบด้วยการเซ็นสัญญากับกองหลังจากแชมเปี้ยนชิพรายนี้ การที่นักเตะที่ไม่เคยเล่นลีกสูงสุดมาก่อนมีค่าตัวขนาดนี้ ต้องบอกเลยว่า ค่าตัวนักเตะพรีเมียร์ลีก แพงเกินไปมากจริงๆ!!

เบิร์นลี่ย์ : คริส วู้ด และ เบน กิ๊บสัน (15 ล้านปอนด์)
วู้ด ย้ายจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด สิงหาคม 2017, กิ๊บสัน ย้ายจาก มิดเดิ้ลสโบรช์ สิงหาคม 2018
แม้ราคา 15 ล้านปอนด์ ถือว่าไม่แพงในยุคสมัยนี้ แต่ลองสังเกตดูว่า ในปี 2017 พวกเขาใช้เงิน 15 ล้านปอนด์ ซื้อหัวหอกมาเป็นตัวความหวัง แต่ถัดมา 1 ปี พวกเขาต้องใช้เงินจำนวนเท่ากัน เพื่อซื้อกองหลังที่ไม่ได้การันตีตัวจริง

เชลซี : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า (71.6 ล้านปอนด์) ย้ายจาก แอธเลติก บิลเบา สิงหาคม 2018
หลังจาก ติโบต์ กูร์กตัวส์ ย้ายไปเฝ้าเสาให้ เรอัล มาดริด ทำให้ทีมสิงโตน้ำเงินครามต้องเร่งหาผู้รักษาประตูฝีมือดีมาแทนโดยด่วน และสุดท้ายต้องจ่ายเป็นราคาสถิติโลกของตำแหน่งนายทวาร เป็นค่าฉีกสัญญา คว้าตัวมาจากบิลเบา

คริสตัล พาเลซ : คริสติย็อง เบนเตเก้ (27 ล้านปอนด์) ย้ายจาก ลิเวอร์พูล สิงหาคม 2016
หัวหอกทีมชาติเบลเยียม ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับลิเวอร์พูลได้ ก่อนจะถูกทีมหงส์แดงขายออกมาเมื่อเวลาผ่านไปเพียงปีเดียวเบนเตเก้ ทำผลงานกับพาเลซได้ดีในซีซั่นแรก แต่หลังจากนั้นผลงานกลับดร็อปลงไปเยอะ จนกลายเป็นหัวหอกปืนฝืดไปซะแล้ว

เอฟเวอร์ตัน : กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน (45 ล้านปอนด์) ย้ายจาก สวอนซี ซิตี้ สิงหาคม 2017
เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติไอซ์แลนด์ ทำผลงานได้คุ้มค่าตัวกับทีมทอฟฟี่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาล 2018-19 ที่ยิงไปถึง 13 ประตูในเกมลีก และทำไปอีก 6 แอสซิสต์ ถือเป็นกำลังสำคัญที่สุดในแนวรุกของทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินอย่างเต็มตัว

เลสเตอร์ ซิตี้ : ยูริ ตีเลอม็องส์ (40 ล้านปอนด์) ย้ายจาก โมนาโก กรกฎาคม 2019
กองกลางทีมชาติเบลเยียมทำผลงานได้โดดเด่นสุดๆ ในช่วงที่ เลสเตอร์ ยืมตัวจากโมนาโก ในครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2018-19 นั่นทำให้ทีมจิ้งจอกสยาม ทุ่มเงินซื้อไปร่วมทีมเป็นการถาวร ก่อนที่จะมียักษ์ใหญ่ทีมอื่นเอาตัวไปแทน

ลิเวอร์พูล : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (75 ล้านปอนด์) ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน มกราคม 2018
ทีมหงส์แดงทุ่มเงินเป็นสถิติโลกของกองหลัง (ก่อนจะโดน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ทำลายสถิติ) คว้าตัวเข้ามาเพื่อแก้จุดอ่อนแนวรับ และจากผลงานที่ ฟาน ไดค์ ฝากไว้ในถิ่นแอนฟิลด์ ต้องบอกเลยว่าค่าตัว 75 ล้านปอนด์กลายเป็นถูกสุดๆ เพราะเขาพัฒนาฝีเท้าจนเป็นกองหลังที่ดีที่สุดในโลก ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยุโรป และยกระดับสโมสรเป็นทีมที่พร้อมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โรดรี้ (63 ล้านปอนด์) ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด กรกฎาคม 2019
ทีมเรือใบสีฟ้า จำเป็นต้องหาตัวแทนของ แฟร์นันดินโญ่ ที่ใกล้ปลดระวาง และกองกลางทีมชาติสเปนรายนี้ ก็เข้ามายึดตำแหน่งตัวจริงทันที ตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2019-20

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ปอล ป็อกบา (89 ล้านปอนด์) ย้ายจาก ยูเวนตุส สิงหาคม 2016
ปอล ป็อกบา (สวมเสื้อสีแดง)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ปอล ป็อกบา (89 ล้านปอนด์) ย้ายจาก ยูเวนตุส สิงหาคม 2016
ทีมปีศาจแดงทุ่มเงินเป็นสถิติโลก คว้าตัวนักเตะที่เคยเป็นดาวรุ่งซึ่งสโมสรเสียไปให้ยูเวนตุสแบบฟรีๆ กลับคืนมาอีกครั้ง และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า นี่คือราคาที่แพงเกินไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพียง 1 ปี เนย์มาร์ ก็ทำลายสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกแทนด้วยค่าตัวเกือบ 200 ล้านปอนด์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ป็อกบา ยังคงโดนกดดันจากการเป็นผู้เล่นค่าตัวมหาศาลอยู่ดี

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : โชเอลินตอน (40 ล้านปอนด์) ย้ายจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ กรกฎาคม 2019
ซัมเมอร์ 2019 ทีมสาลิกาดงเสียกำลังสำคัญในแนวรุกออกไปทั้ง อาโยเซ่ เปเรซ ที่ไปเลสเตอร์ และ ซาโลมอน รอนดอน ที่ย้ายไปจีน จึงต้องทุ่มเงินก้อนโต หาตัวแทนมาเสริม และต้องรอดูกันว่า กองหน้าบราซิเลียนรายนี้ จะทำผลงานคุ้มค่าตัวหรือไม่

นอริช ซิตี้ : สตีเว่น เนสมิธ (9.1 ล้านปอนด์) ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มกราคม 2016
ทีมนกขมิ้นคือทีมเดียวในพรีเมียร์ลีก ที่ไม่เคยทุ่มเงินเกิน 10 ล้านปอนด์คว้าตัวใครมาเสริมทัพ สำหรับ เนสมิธ ใช้เวลาส่วนใหญ่กับ นอริช ในการเล่นระดับแชมเปี้ยนชิพ เพราะในช่วงต้นปี 2016 ที่เขาเพิ่งย้ายมา เขาพาทีมหนีตกชั้นไม่สำเร็จ ก่อนที่ปี 2018 จะย้ายกลับไปเล่นในสกอตแลนด์บ้านเกิด กับ ฮาร์ทส์

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด : โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ (20 ล้านปอนด์) ย้ายจาก สวอนซี ซิตี้ สิงหาคม 2019
หลังเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ทำให้ทีมดาบคู่เสริมทัพหลายตำแหน่ง โดยทำลายสถิติซื้อตัวแพงที่สุดของสโมสรไปถึง 4 ครั้ง ก่อนจะจบด้วยการได้ตัวกองหน้าทีมชาติสกอตแลนด์รายนี้

เซาธ์แฮมป์ตัน : กีโด้ คาร์รีโย่ (19.1 ล้านปอนด์) ย้ายจาก โมนาโก มกราคม 2018
หัวหอกชาวอาร์เจนไตน์รายนี้ ยังทำผลงานไม่คุ้มค่าตัว เมื่อยังไม่สามารถยิงให้ทีมนักบุญได้เลย โดยในฤดูกาล 2018-19 เขาถูกปล่อยให้ เลกาเนส ยืมตัวไปใช้งานยาว 1 ซีซั่นเต็มๆ

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ : ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ (53.8 ล้านปอนด์) ย้ายจาก โอลิมปิก ลียง กรกฎาคม 2019
หลังจากไม่เสริมทัพเลยในฤดูกาล 2018-19 คราวนี้ทีมไก่เดือยทองทุ่มเงินสถิติสโมสรเสริมแดนกลางซะเลย ซึ่งมิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ เข้ามายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมทันที ก่อนยิงประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก ด้วยการซัดสุดสวยใส่ แอสตัน วิลล่า

วัตฟอร์ด : อิสไมล่า ซาร์ (25 ล้านปอนด์) ย้ายจาก แรนส์ สิงหาคม 2019
ปีกทีมชาติเซเนกัล ถูกดึงตัวเข้าสู่ทีมแตนอาละวาดในวันปิดตลาดนักเตะพอดี โดยทำลายสถิติค่าตัว 18.5 ล้านปอนด์ของ อันเดร เกรย์ ที่วัตฟอร์ดดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2017

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด : เซบาสเตียง อัลเล่ร์ (45 ล้านปอนด์) ย้ายจาก ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต กรกฎาคม 2019
หลังยิงไปถึง 19 ประตูรวมทุกรายการให้กับแฟร้งค์เฟิร์ต ในฤดูกาล 2018-19 ทำให้ทีมขุนค้อนยอมจ่ายหนักดึงมาเสริมแนวรุก หลังจากปล่อยตัว มาร์โค อาร์เนาโตวิช กองหน้าคนสำคัญให้ย้ายไปจีน

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส : ราอูล ฮิเมเนซ​ (30 ล้านปอนด์) ย้ายจาก เบนฟิก้า เมษายน 2019
ในฤดูกาล 2018-19 วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ยืมตัวดาวยิงทีมชาติเม็กซิโกรายนี้มาเป็นกองหน้าตัวความหวัง ก่อนทำผลงานได้น่าพอใจ จึงตัดสินใจใช้ออปชั่นซื้อขาด ตั้งแต่ยังไม่ทันจบฤดูกาล

 สังเกตให้ดี นักเตะเจ้าของค่าตัวแพงที่สุดของทุกทีม คือนักเตะที่ย้ายทีมในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาทั้งสิ้น นั่นหมายความว่า การจะเสริมทัพนักเตะฝีเท้าดีๆ ในยุคนี้ของสโมสรในพรีเมียร์ลีก ต้องใช้เงินมากขึ้นกว่าสมัยก่อนมากทีเดียว!!