10 เรื่องใหม่ ที่จะมีในพรีเมียร์ลีก 2019-20 เป็นครั้งแรก

ต้องบอกเลยว่า พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 ถือว่ามีอะไรพิเศษกว่าซีซั่นก่อน ๆ มากมาย และ 120เรื่องต่อไปนี้ คือสิ่งที่กำลังจะมีขึ้นในซีซั่นใหม่นี้เป็นครั้งแรก!!

1. ลูกบอลใหม่
ลูกฟุตบอลที่จะใช้ในฤดูกาล 2019-20 จะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจากไนกี้ ชื่อว่า “ไนกี้ เมอร์ลิน บอล” ซึ่งมาในลวดลายแปลกตา โดดเด่นด้วยสีชมพู-กรมท่า ใช้เทคโนโลยีการผลิตให้ลูกบอลพุ่งในอากาศได้แม่นยำมากขึ้น นี่ถือเป็นลูกบอลรุ่นพิเศษที่จะใช้ฉลองครบรอบ 20 ปีของการเป็นพาร์ทเนอร์กันระหว่างไนกี้ กับพรีเมียร์ลีก และลูกบอลดีไซน์นี้ จะไม่ถูกใช้ในการแข่งขันรายการอื่น นอกจากลีกสูงสุดอังกฤษด้วย

2. นักเตะสัญชาติใหม่
โอเนล เอร์นานเดซ ปีกตัวจี๊ดของ นอริช ซิตี้ ทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ กลับสู่ลีกสูงสุด จะเป็นนักเตะคิวบาคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก คิวบา จะกลายเป็นชาติที่ 114 ที่มีนักเตะตัวแทนของประเทศ ลงสนามในพรีเมียร์ลีก และถ้าหาก เอร์นานเดซ ทำประตูได้ เขาจะทำให้ คิวบา คือชาติที่ 98 ที่มีนักเตะทำประตูได้ในลีกสูงสุดอังกฤษอีกด้วย

3. กุนซือได้คุมลีกสูงสุดครั้งแรก
นี่จะเป็นฤดูกาลแรกที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะได้คุมทีมระดับพรีเมียร์ลีก เมื่อถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ เชลซี ต้นสังกัดที่เขาเคยสร้างชื่อจนเป็นตำนาน นอกจาก แลมพาร์ด แล้ว ก็ยังมี ดีน สมิธ กุนซือ แอสตัน วิลล่า, แดเนียล ฟาร์ค ผู้จัดการทีมนอริช และ คริส ไวล์เดอร์ นายใหญ่ของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3 ทีมน้องใหม่ปีนี้ ที่จะได้คุมทีมในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันโดยกุนซือหน้าใหม่ของพรีเมียร์ลีกทั้ง 4 คน ล้วนเป็นชาวอังกฤษทั้งหมด

4. ผู้ตัดสินหน้าใหม่
แอนดี้ แมดลี่ย์ และ ปีเตอร์ แบงค์ส จะเป็น 2 ผู้ตัดสินหน้าใหม่ ที่จะได้ทำหน้าที่ในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2018-19 แมดลี่ย์ ลงตัดสินเกมแชมเปี้ยนชิพมากถึง 31 นัด ส่วน แบงค์ส ลงทำหน้าที่ 29 นัด ในรายของ แบงค์ส เขาเคยได้โอกาสเป็นผู้ตัดสินที่ 4 ในพรีเมียร์ลีกมาก่อนบ้างในฤดูกาลที่แล้ว แต่นี่จะเป็นครั้งแรก ที่เขาจะได้ลงตัดสินเกมจริง ๆ จัง ๆ

5. มีเบรกระหว่างซีซั่น
ตลอด 27 ฤดูกาลที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกไม่เคยมีช่วงพักเบรกเหมือนลีกใหญ่ๆ ลีกอื่น แต่สำหรับฤดูกาล 2019-20 คราวนี้จะมีช่วงเบรกสั้นๆ 2 สัปดาห์ ให้นักเตะได้เติมพลังกันบ้าง พรีเมียร์ลีก จะนำโปรแกรมนัดที่ 26 (เตะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์) ซึ่งเดิมทีมี 10 นัด มาซอยย่อยเป็น 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 นัด นั่นทำให้แต่ละทีมจะมีช่วงพักเบรกทีมละ 2 สัปดาห์เท่ากัน แต่ความมันส์ของแฟนบอล จะไม่ขาดช่วง เพราะยังมีเกมให้ลุ้นตามปกติ สำหรับโปรแกรมวัน “บ็อกซิ่งเดย์” (26 ธันวาคม) ทุกทีมจะยังคงมีแข่งเหมือนทุกปี เช่นเดียวกับเกมแข่งขันในวันขึ้นปีใหม่ (1 มกราคม) ก็จะยังมีให้ดูกันเพลิน ๆ เหมือนเดิม

6. กฏเฮดทูเฮด ถูกนำมาใช้ครั้งแรก
รู้หรือไม่ว่าพรีเมียร์ลีกไม่เคยใช้กฎ “เฮด ทู เฮด” ในการตัดสินทีมที่มีคะแนนเท่ากัน และผลต่างประตูได้และเสียเท่ากันมาก่อน ว่าจะให้ทีมไหนมีอันดับที่สูงกว่าในอดีตที่ผ่านมา หากเกิดกรณีที่แต้ม, ประตูได้ และประตูเสียเท่ากันหมด พรีเมียร์ลีกจะนำทีมคู่กรณีมาเตะเพลย์ออฟตัดสินกัน ถ้าหากมันมีความสำคัญในการชี้วัดแชมป์, โควตาไปเล่นฟุตบอลยุโรป หรือทีมตกชั้น

สำหรับฤดูกาลใหม่นี้ ถ้าหากมีทีมไหนแต้มเท่ากัน ยิงเท่ากัน เสียเท่ากัน ผลการแข่งขันที่เจอกันเอง 2 นัดจะถูกนำมาตัดสินว่าใครจะได้อันดับดีกว่า ซึ่งหากเท่ากันอีก ทีมที่ยิง “ประตูทีมเยือน” ได้มากกว่า จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ

7. กติกาใหม่
ยังมีกติกาใหม่ๆ ที่ต้องทำความเข้าใจอีกมากมาย เช่น
– กัปตันทีมที่เสี่ยงทายเหรียญชนะ สามารถเลือกได้ว่าจะเขี่ยบอลก่อน หรือจะเลือกแดน หลังจากที่ผ่านมา ฝ่ายที่ชนะ ทำได้แค่ “เลือกแดน” อย่างเดียว

– ผู้เล่นที่โดนเปลี่ยนตัวออก ต้องเดินออกจากสนามในจุดที่ใกล้ที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องเดินออกมาในจุดตรงกลางข้างสนามเท่านั้น นั่นหมายความว่า การเปลี่ยนตัวเพื่อตั้งใจถ่วงเวลานานๆ จะทำไม่ได้อีกต่อไป

– ผู้รักษาประตู เมื่อต้องเซฟจุดโทษ จะต้องมีเท้าข้างใดข้างหนึ่งอยู่บนเส้นประตู โดยไม่สามารถกระโดดออกมานอกเส้น หรือยืนตำแหน่งหลังเส้นประตูได้

– เมื่อได้ฟรีคิก ผู้เล่นฝ่ายรุก ไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปอยู่ในกำแพงของฝ่ายรับได้

– ผู้รักษาประตู จะสามารถเล่น Goal Kick แบบสั้นๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดสาดยาวแบบที่ผ่านมา

– หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งของมือหรือแขนผู้เล่นฝ่ายรุกสัมผัสถูกลูกบอล ในจังหวะทำประตู หรือสร้างโอกาสทำประตู จะไม่ได้ประตูในทุกกรณี ต่อให้ไม่เป็นการเจตนาก็ตาม

8. การเจอกันครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกถึง 8 คู่
ฤดูกาล 2019-20 จะมีแมตช์ที่เป็นการเจอกันครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกถึง 8 คู่ ได้แก่
บอร์นมัธ พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พบ เลสเตอร์ ซิตี้
เบิร์นลี่ย์ พบ นอริช ซิตี้
แอสตัน วิลล่า พบ ไบรท์ตัน
ไบรท์ตัน พบ นอริช ซิตี้
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พบ เบิร์นลี่ย์
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ไบรท์ตัน พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

9. สต๊าฟโค้ชก็โดนใบเหลือง-ใบแดงได้!!
ที่ผ่านมาแม้ผู้ตัดสินจะเคยเชิญบรรดาผู้จัดการทีมที่ออกพฤติกรรมเกเร ขึ้นไปนั่งดูเกมบนอัฒจันทน์ แต่ยังไม่เคยมีการแจกใบเหลือง หรือใบแดง ให้มาก่อนเลย สำหรับฤดูกาลใหม่นี้ บรรดากุนซือต้องวางตัวให้ดีขึ้น เพราะถ้าหากคุมอารมณ์ หรือทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็จะสามารถโดนใบเหลืองหรือใบแดงได้เหมือนกับนักเตะ และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ชุลมุน ที่ผู้ตัดสินมองไม่ชัดเจนว่าคนก่อเหตุเป็นใคร คนที่จะต้องรับผิดชอบโดนลงโทษแทน จะต้องเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดบริเวณข้างสนาม นั่นก็คือผู้จัดการทีม

10. VAR
ในที่สุด พรีเมียร์ลีก ก็ตัดสินใจเอาเทคโนโลยีวิดีโอช่วยตัดสินมาใช้งานเสียที ซึ่งแม้อาจจะทำให้ความต่อเนื่องของการลุ้นสะดุดลงไปบ้าง แต่จังหวะปัญหาต่างๆ จะถูกตัดสินอย่างยุติธรรม และตรงเผงมากขึ้น