เปรียบเทียบนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยุคแชมป์ลีกสมัยแรกกับยุคปัจจุบัน

หากพูดถึงเมืองแมนเชสเตอร์ แฟนบอลส่วนใหญ่จะต้องนึกถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองทีมยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ ฝั่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จมามากมายในช่วงทศวรรตที่ 90 เป็นต้นมา

ส่วนฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีจุดเริ่มต้นที่ทำให้กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งคือ แชมป์พรีเมียร์ลีก ในปี 2011-2012 โดยในปีนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีขุมกำลังนักเตะที่น่าสนใจหลายคน วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบนักเตะในชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ปี 2011-2011 กับนักเตะในชุดปัจจุบันในปี 2019-2020 ว่าแต่ละตำแหน่งมีความคล้ายคลึงหรือแต่กต่างกันอย่างไรบ้าง

เปรียบเทียบนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยุคแชมป์ลีกสมัยแรกกับยุคปัจจุบัน1. ตำแหน่งผู้รักษาประตู โจ ฮาร์ท VS เอแดร์สัน
หากเทียบจากฟอร์มทั้งสองคนแล้ว เป็นสุดยอดผู้รักษาประตูทั้งคู่ ทั้งการเซฟ การยืนตำแหน่ง ความเร็ว การอ่านเกมส์ สิ่งที่โจ ฮาร์ท ดีกว่า เอแดร์สัน คือ เรื่องรูปร่างที่สูงใหญ่กว่า การออกมาปิดมุมจึงทำได้ดีกว่าเอแดร์สัน ส่วนจุดที่โจ ฮาร์ท เป็นรองคือ การเล่นบอลด้วยเท้า โจ ฮาทร์ท มักจะเปิดบอลหลุดออกนอกสนามหรือไม่ตรงเป้าหมายเป็นประจำ

2. ตำแหน่งกองหลังตัวกลาง  โจลีออน เลสคอต VS อายเมริค ลาปอร์เต้
ในตำแหน่งกองหลังตัวกลางเราจะขอไม่พูดถึง วินเซน คอมปปานี เพราะคอมปานี อยู่ตั้งแต่ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ปี 2011 จนถึง ปี 2019 และเพิ่งอำลาทีมไป เรื่องฝีเท้าและความสามารถทุกท่านทราบดีอยู่แล้ว แต่จะขอเปรียบเทียบเซนเตอร์แบ๊คคู่นี้ โจลีออน เลสคอต กับอายเมริค ลาปอร์เต้

ซึ่งถ้าเทียบสไตล์การเล่นแล้ว เลสคอต เป็นกองหลังไตล์สูงใหญ่ เล่นลูกกลางอากาศได้ดี การเข้าปะทะไม่เป็นสองรองใครในตอนนั้น แต่ถ้าเทียบกับอายเมริค ลาปอร์เต้ แล้ว ความครบเครื่อง ลาปอร์เต้ มีความครบเครื่องมากกว่า ทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่กว่า เล่นบอลกับพื้นที่ดีกว่า การจ่ายบอลที่แม่นยำกว่า ซึ่งการจ่ายบอลและการเล่นบอลกับพื้นของเลสคอตเป็นจุดอ่อนของเขาในสมัยนั้น เรามักจะเห็นจังหวะเข้าพรวดอยู่บ่อยครั้ง และก็ต้องเป็นหน้าที่ของ คอมปานี ในสมัยนั้นต้องค่อยช่วยพยุงเกมส์รับให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม

3. ตำแหน่งกองหลังฝั่งขวา ไมก้า ริชชาร์ท VS ไคล์ วอคเกอร์
ตำแหน่งกองหลังฝั่งขวาหรือแบ๊คขวา ในยุคแชมป์พรีเมียร์ลีก 2011-2012 ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แฟนบอลเรือใบสีฟ้า คงรู้จักกันดี ไมก้า ริชชาร์ท เด็กปั้นของสโมสร ที่ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงทางฝั่งขวา เขาสามารถโยกไปเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ๊คได้อีกด้วย จุดเด่นๆของกองหลังรายนี้คือ ความแข็งแกร่งและความเร็ว เขาสามารถเติมเกมส์ทางฝั่งขวาเพื่อขึ้นไปเปิดบอลสวย ๆ ให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูอยู่บ่อยครั้ง

และหากเทียบกับแบ๊คขวาของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปัจจุบันอย่าง ไคล์ วอคเกอร์ ที่มีทั้งความเร็วและการเปิดบอลอย่างแม่นยำเหมือนกันแล้ว แต่สิ่งที่ไคล์ วอคเกอร์ ยังดูเป็นรอง ไมก้า ริชชาร์ท คือ เรื่องการเล่นลูกกลางอากาศ และความสาระพัดประโยชน์ที่ไมก้า ริชชาร์ท สามารถสลับมายืนเซ็นเตอร์แบ๊คได้ในยามจำเป็นอีกด้วย

4. ตำแหน่งกองหลังฝั่งซ้าย  เกล กิชชี่ VS โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
ตำแหน่งนี้ในอดีตแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีผู้เล่นที่มากความสามารถให้เลือกใช้ อาทิเช่น พาโบ ซาลาเบต้า,อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ แต่หากจะจับคู่เพื่อเปรียบเทียบสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกันแล้ว เกล กิชชี่ กับโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น่าจะดูเหมาะสมกันที่สุด เกล กิชชี่ นักเตะร่างเล็กในตำแหน่งกองหลังฝั่งซ้าย เจ้าของส่วนสูงเพียง 175 เซนติเมตร ทำให้เป็นนักเตะแนวรับที่เติมขึ้นเล่นเกมส์รุกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสปีดที่เร็วอยู่แล้ว ประกอบกับการเปิดบอลที่เพื่อนร่วมทีมหวังผลทำประตูได้เสมอ เกล กิชชี่ จึงเป็นผู้เล่นในตำแหน่งแบ๊คซ้ายที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดไม่ได้เลยในขณะนั้น และได้รับโอกาสลงสนามบ่อยที่สุดในบรรดาผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกัน

ส่วนโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เพิ่งได้รับโอกาสจาก เป๊ป กวาดิโอล่า ให้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ และสามารถทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจในตำแหน่งแบ๊คซ้าย ทั้งการเติมเกมส์ การตัดสินใจ การเปิดบอล แต่หากจะเทียบกับ เกล กิชชี่ แล้ว โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ยังคงต้องเก็บประสบการณ์อีกพอสมควร แต่ถ้าเทียบสไตล์การเล่นแล้วมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก

5. ตำแหน่งกองกลางตัวรับ  แกเรต แบรี่ VS แฟร์นานดินโญ่
ตำแหน่งกองกลางตัวรับหรือผู้ปิดทองหลังพระ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยไหนก็จะขาดผู้เล่นตำแหน่งนี้ไม่ได้เลย และหากจะพูดถึงกองกลางตัวรับระดับต้นๆของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงต้องมีชื่อของเขาคนนี้ แกเรต แบรี่ กองกลางตัวรับทีมชาติอังกฤษ แกเรต แบรี่ มีหน้าที่ในการไล่บี้คู่แข็งในแดนกลาง การเข้าตัดเกมส์ การเข้าซ้อนตัวผู้เล่น เพื่อให้กองหลังของทีมได้เล่นง่ายขึ้น

ความโดดเด่นอาจจะไม่มีอะไรมากหากเปรียบเทียบกับผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆ แต่แกเรต แบรี่ เป็นผู้เล่นที่ทีมขาดไม่ได้เลย และในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคปัจจุบัน ผู้เล่นที่รับหน้าที่นี้อยู่คือ แฟร์นานดินโญ่ กองกลางความสามารถสูงดีกรีทีมชาติบราซิล แฟร์นานดินโญ่ เป็นผู้เล่นที่สำคัญสำหรับแผนของ เป๊ป กวาดิโอล่า ทั้งการเข้าตัดเกมส์ การเข้าปะทะ การคุมจังหวะเกมส์ให้กับทีม และสิ่งที่โดดเด่นคือความสามารถเฉพาะตัวของเขา ด้วยการเล่นฟุตบอลสไตล์แซมบ้าโดยสายเลือดแล้ว จะมักเห็นบางจังหวะที่ แฟร์นานดินโญ่ โชว์สกิลชั้นเชิงหลอกคู่แข่งอยู่เสมอ

6. ตำแหน่งกองกลาง  ยาย่า ตูเร่ VS อิลคาย กุนโดกัน
มาถึงตำแหน่งที่เป็นหัวใจสำคัญของทีมกันแล้ว ตำแหน่งนี้หากมองย้อนไปในอดีต แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทุกคนต้องนึกถึงชื่อของ ยาย่า ตูเร่ เป็นอันดับต้นๆอย่างแน่นอน สุดยอดกองกลางที่ย้ายมาจากยอดทีมแห่งสเปนอย่าง บาเซโลน่า เข้ามาเติมเต็มทีมได้อย่างชัดเจน ด้วยทักษะความสามารถในการครองบอล การอ่านเกมส์ วิสัยทัศนะในสนาม รวมทั้งความสามารถเฉพาะตัวที่หากบอลอยู่ในการครอบครองของเขาแล้ว เป็นเรื่องยากมากที่คู่แข่งจะสามารถแย่งบอลจาเขาได้ การคุมจังหวะของทีม หากจะเปรียบเทียบความสำคัญ ณ ตอนนั้น ยาย่า ตูเร่ คือ หัวใจของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยก็ว่าได้

และนักเตะในยุคปัจจุบันที่เล่นตำแหน่งนี้อยู่คือ อิลคาย กุนโดกัน นักเตะที่ เป๊ป กวาดิโอล่า เลือกให้มาเป็นกองกลางตัวเชื่อมเกมส์ ในยุคของเป๊ป เราอาจจะเห็น อิลคาย กุนโดกัน เล่นบอลไม่กี่จังหวะ แต่ถ้าสังเกตดีๆแล้ว การครองบอลของเขา การจ่ายบอล การคุมจังหวะของเกมส์ ทุกสิ่งอย่างอยู่ที่ อิลคาย กุนโดกัน ทั้งหมด และถ้าจะเปรียบเทียบกับยาย่า ตูเร่ แล้ว ด้วยระบบทีมตอนนี้ อิลคาย กุนโดกัน ดูมีความเหมะสมกับระบบทีมมากกว่ายาย่า ตูเร่ แต่หากจะเทียบความสามารถแล้ว ยาย่า ตูเร่ มีมิติการเล่นที่มากกว่า อิลคาย กุนโดกัน อยู่เล็กน้อย

7. ตำแหน่งกองกลางตัวรุก  ดาวิส ซิลบา VS เควิน เดอบรอย
ในตำแหน่งนี้ขอนำเอา ดาวิด ซิลบา ในยุคนั้นมาเปรียบเทียบ เนื่องจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคนั้น กองกลางตัวรุกคงไม่มีใครดีไปกว่า ดาวิส ซิลบา อย่างแน่นอน ดาวิส ซิลบา ย้ายทีมมาจากบาเลนเซียในลาลีก้าของสเปน เป็นเจ้าของความสูงเพียง 170 เซนติเมตร แต่ทว่าฝีเท้า ทักษะ ความสามารถส่วนตัว ไม่เป็นสองรองใคร การจ่ายบอลที่แม่นยำ การเอาตัวรอดจากพื้นที่แคบ ๆ การเลี้ยงบอลพาบอลไปกับตัว และการจบสกอล์ เป็นสิ่งที่ ดาวิส ซิลบา แสดงออกมาให้เห็นว่ารูปร่างและส่วนสูงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาในการเล่น

และหากจะเทียบกับสุดยอดกองกลางตัวรุกในยุคนี้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็คงต้องยกให้ กองกลางดีกรีทีมชาติเบลเยี่ยม เควิน เดอบรอย ด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรง การจ่ายบอลหลายๆลูกของเขาทำให้ผู้ชมในสนามถึงกับต้องอ้าปากค้างมาหลายครั้งต่อหลายครั้ง ลูกยิงไกลที่เป็นอาวุธสำคัญ ทักษะการครองบอลที่ดีเยี่ยม เป็นนักเตะคนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของเป๊ป กวาดิโอล่าอีกคน หากจะเทียบเรื่องความสามารถนักเตะทั้งสองคนนี้มีความสำคัญต่อทีมเป็นอย่างมาก เป็นตัวขับเคลื่อนเกมส์รุกให้มีมิติในการเข้าทำหลากหลาย

8. ตำแหน่งปีกซ้าย  ซาเมียร์ นาสรี่ VS รีรอย ซาเน่
ตัวรุกฝั่งซ้ายที่น่ากลัวในยุคนั้นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงหนีไม่พ้น ปีกดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสอย่างเจ้าหนู นาสรี่ ปีกเฟรนช์แมน รายนี้ย้ายมาจากอาเซน่อล เพื่อมาเติมเต็มเกมส์รุกของเรือใบสีฟ้า ด้วยสไตล์การเล่นที่ไปกับบอลได้ดี มีความเร็ว และการครองบอลอันเหนียวแน่ ทำให้เกมส์รุกทั้งฝั่งซ้ายของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สมัยนั้นน่ากลัวมาก และจุดเด่นของซาเมียร์ นาสรี่ คือ การเลี้ยงบอลจากปีกแล้วตัดเข้าในเพื่อทำประตูอยู่บ่อยครั้ง

หากจะเปรียบเทียบกับผู้เล่นในตำแหน่งตัวรุกทางด้านซ้ายในยุคนี้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็คงจะหนีไม่พ้น นักเตะที่มีข่าวย้ายทีมแรงที่สุดของเรือใบ นั้นคือ รีรอย ซาเน่ ดีกรีทีมชาติเยอมัน ด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรก เป็นนักเตะที่มีความเร็วสูงมาก หากได้ไปกับบอลแล้วยากที่กองหลังฝั่งตรงข้ามจะเอาอยู่ สุดท้ายต้องทำฟาล์วถึงจะหยุด รีรอย ซาเน่ ได้ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงทำให้ทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีกบุนเดสลีก้าเยอร์ อย่างบาเยิร์น มิวนิค ต้องการตัวเป็นอย่างมาก แต่ทว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงไม่ยอมเสียผู้เล่นแนวรุกคนสำคัญอย่า รีรอย ซาเน่ อย่างแน่นอน

9. ตำแหน่งปีกขวา  เจมส์ มิลเนอร์ VS ราฮิม สเตอร์ริ่ง
มาถึงตำแหน่งตัวรุกฝั่งขวากันบ้าง ในยุคนั้นแมนเชสเตอร์มีปีกสาระพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งปีก กลางรับ กลางรุก ปรับตามคำสั่งของผู้จัดการทีม นั้นก็คือ เจมส์ มิลเนอร์ เขาเป็นผู้เล่นสไตล์วิ่งสู้ฟัด แรงไม่มีหมด สามารถเติมเกมส์รุกและวิ่งลงมาช่วยเกมส์รับได้จนครบ 90 นาที อย่างสบายๆ ส่วนราฮิม สเตอร์ริ่ง เป็นผู้เล่นสไตล์ ไปกับบอลได้ดี มีความเร็วสูง การครองบอลดีมาก ยากที่ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามจะแย่งบอลไปจากเขาได้ และยังสามารถพาบอลตัดเข้าในเพื่อทำประตูได้อีกด้วย เขาจึงเป็นที่รักของแฟนบอลเรือใบสีฟ้าได้อย่างรวดเร็ว หากจะเปรียบเทียบทั้งสองคนนี้แล้วคนหนึ่งเปรียบเสมือนรถออฟโรดที่วิ่งขึ้นลงเข้าได้แบบไม่มีหมด ส่วนอีกคนเปรียบเสมือนรถสปอต์ที่โฉบเฉียวหาตัวจับได้ยาก

10. ตำแหน่งกองหน้า  เอดิน เซโก้ VS เซคิโอ้ อัลเกวโร่
มาถึงตำแหน่งสุดท้ายกองหน้าตัวทำประตู ในยุคนั้นกองหน้าร่างโย่งดีกรีดาวซัลโวลีกบุนเดสลีก้าอย่าง เอดิน เซโก้ เจ้าของความสูง 192 เซนติเมตร เป็นกองหน้าตัวความหวังของทีม ด้วยความสูงที่เป็นจุดเด่นทำให้เล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่ทว่าการเล่นบอลกับพื้นของเขาก็ไม่ได้เป็นสองรองใครเช่นกัน เป็นกองหน้าที่ครบเครื่องคนหนึ่งในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ ส่วนกองหน้าในยุคปัจจุบันคงจะหนีไม่พ้นกองหน้าชาวอาเจนไตย์คนนี้ เซคิโอ้ อัลเกวโร่ กองหน้าที่ผลิตสกอล์ให้กับทีมอย่างเป็นกอบเป็นกำ มีความอันตรายทั้งในกรอบเขตโทษหรือแม้แต่การได้ขยับออกไปเล่นปีก ด้วยรูปร่างไม่ไม่สูงมาก แต่การอ่านบอลในการเล่นลูกกลางอากาศ กุน ก็ทำได้ดี ตามสัญชาตญาณกองหน้าที่มีอยู่ในตัว