วัดกันไปเลย ชุดเกือบแชมป์ Liverpool 2013/14 กับ 2018/19 ตำแหน่งไหนดีกว่ากัน

เรียกว่าเป็นชุดลุ้นแชมป์ Premier League (หลังเปลี่ยนชื่อ) ที่แทบจะใกล้เคียงที่สุดสำหรับ Liverpool ยุค 2013/14 และ 2018/19 ที่ทีมหนึ่งพลาดแบบหน้าเขกกระโหลก ส่วนอีกทีมก็เจอคู่แข่งสุดแกร่ง วันนี้เราเลยจะจับทั้งสองทีมมาเทียบกันชนิดตำแหน่งต่อตำแหน่งเลยว่า ทีมไหนที่จะมีดีมากกว่ากัน

ตำแหน่งผู้รักษาประตู
Simon Mignolet (2013/14) VS Alisson Becker (2018/19)
สำหรับในตำแหน่งนี้นั้นเป็นการเทียบกันระหว่างผู้รักษาระดับทีมชาติสองคน ได้แก่ Simon Mignolet นายทวารทีมชาติเบลเยี่ยม ที่ลงแต่ละครั้งแฟนบอลต้องผวา ทั้งแฟนบอลทีมคู่แข่งและทีมที่ต้องเจอ ถ้าวันไหนตัวเค้าเล่นดีก็มีซุปเปอร์เซฟสวยๆ หลายต่อหลายครั้ง แต่ถ้าวันไหนผีออกลูกง่ายๆ ก็มีให้พบเห็นบ่อยเหลือเกิน กับ Alisson Becker ที่ย้ายมาจาก ROMA ด้วยค่าตัวเป็นนายประตูค่าตัวแพงที่สุดในโลกอยู่ช่วงหนึ่ง เป็็นนายประตูที่มีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว และเล่นบอลกับเท้าได้ดี โดยถ้าเทียบด้วยสถิติ Alisson Becker ลงเล่น 34 นัด เสียเพียง 20 ประตู และอีก 17 Clean Sheet ส่วน Simon Mignolet เสียไปถึง 50 ประตู และเก็บได้เพียง 9 Clean Sheet เท่านั้้น

ตำแหน่ง แบ็คซ้าย
Jon Flanagan (2013/14) Vs Andrew Robertson ( 2018/19)
ในตำแหน่งแบ็็คซ้ายนั้นเราเลือกสองผู้เล่นอย่าง Jon Flanagan มาเทียบกับ Andrew Robertson ซึ่งในตำแหน่งนี้นั้นแทบจะไม่ต้องใช้สถิติ เพียงแค่ใช้สายตาก็น่าจะเทียบได้ว่าใครผลงานดีกว่ากัน เพราะในยุค 2013/14 Liverpool ต้องสลับหมุนเวียนใช้แบ็คซ้ายหลายคนด้วยฟอร์มการเล่นของแต่ละคนทีไม่คงเส้นคงวา ส่วนในยุค 2018/19 Andrew Robertson เรียกได้ว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดทั้งในเกมรุกและเกมรับ รุกสนุกรับเหนียวแน่น และก้าวขึ้้นเป็นกัปตันทีมชาติ Scotland ได้อย่างไม่ยากเย็น ส่วน Jon Flanagan ฟอร์มการเล่นถือว่าไม่ดีนักและค่อยๆ หายไปตามกาลเวลานั่นเอง

ตำแหน่งแบ็คขวา
Glen Johnson (2013/14) Vs Trent Alexander Arnold (2018/19)
ในตำแหน่งนี้ถือเป็นอะไรที่เลือกยากนิดหน่อย เพราะแม้ Glen Johnson จะไม่ได้มีผลงานที่ดีนัก ในช่วงระยะเวลา 6 ปีกับ Liverpool แต่ในปี (2013/14) เค้าก็ถือเป็นส่วนสำคัญของทีม แต่เมื่อเทียบกับ Trent Alexander Arnold ที่ผลงานต้องบอกว่าโดดเด่นสุดๆ ไม่แพ้แบ็คซ้ายอย่าง Andrew Robertson เลย ทั้งเกมรับและรุกที่ดูโดดเด่น และเชื่อว่าจะพัฒนาได้อีกมาก และก้าวไปเป็็นระดับโลกในตำแหน่ง แบ็คซ้ายได้เลยหละ

ตำแหน่งกองหลังตัวกลาง
Daniel Agger (2013/14) Vs Virgil van Dijk (2018/19)
ในช่วงยุค 2013/14 นั้น เกมรับของ Liverpool ถือว่าไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับมาตรฐานของทีมระดับแชมป์ แต่สำหรับ Daniel Agger นั้นถือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่โดดเด่นจนได้รับตำแหน่งรองกัปตันทีม ด้วยการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น และมีการเติมขึ้นไปทำประตูด้วยลูกโหม่งบ่อยครั้ง แต่เมื่อเทียบกับว่าที่บัลลังดอร์อย่าง Virgil van Dijk นั้น ถือว่าตัวเค้ายังอยูอีกระดับ เพราะ Virgil van Dijk ในฤดูกาล 2018/19 จะเรียกว่าร่าง GOD ก็คงไม่แปลกนัก ตัวเค้าเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น และจนมีข่าวว่าไม่สามารถมีผู้เล่นคนไหนเลี้ยงผ่านเค้าได้เลย ทำให้เมื่อเทียบกับ Daniel Agger แล้ว คงต้องให้ Virgil van Dijk เป็นต่ออยูหลายกระบวนท่า

ตำแหน่งกองหลังตัวกลาง
Martin Skrtel (2013/14) Vs Dejan Lovren (2018/19)
ตำแหน่งกองหลังตัวกลางอีกตัวนั้น ถือว่าเป็นอีกตำแหน่งที่ฟันธงลำบาก เพราะในฤดูกาล 2018/19 ทาง Liverpool เลือกใช้ Center Back ถึง 3 ตัวสลับกันลงเพราะอาการบาดเจ็บ เราจึงเลือกเอา Dejan Lovren เพื่อนสนิทรามอส (555+) มาเป็นตัวแทนในการแข่งขันกับ Martin Skrtel หรือ “เจ้าปลาดุก” ที่แฟนบอลตั้งฉายาให้เค้านั่นเอง โดยในตำแหน่งนี้นั้นทาง Martin Skrtel สามารถเอาชนะได้ไปอย่างเฉียดฉิวด้วยสถิติการยิงประตูที่มากถึง 7 ลูกนั้นแหละ ส่วน Dejan Lovren เมื่อลงมาก็มีผลงานทีไม่แย่ แต่ส่วนมากจะนอนโรงบาลเพราะอาการบาดเจ็บมากกว่า

เรียกได้ว่านี้เป็นแค่ส่วนแรกของบทความ วัดความสามารถของนักเตะ Liverpool ในฤดูกาล 2018/19 ที่เลือกนักเตะในกองหลังและประตูมาเทียบ จะเห็นได้ว่า Liverpool ในยุค 2018/19 เอาชนะไปได้เกือบหมด เพราะในยุค 2013/14 แม้จะมีเกมรุกที่เร้าใจ แต่ก็เสียประตูเป็นจำนวนมากเช่นกัน

หลังจากตัดเกรดในส่วนของเกมรับไปแล้ว เห็นได้ชัดว่า Liverpool ในชุด 2013/14 แพ้หลุดหลุ่ยแทบทุกตำแหน่ง แต่ก็คงไม่แปลกนัก เพราะธรรมชาติการเล่นของทีม Liverpool เป็นทีมที่เน้นเกมรุกแบบเต็มสูบ ทำให้เสียประตูเยอะ แต่ในปี 2018/19 ดันมี โคตรกองหลังอย่าง Virgil van Dijk ที่เก่งอย่างน่าตกใจ ทำให้แผงหลังถูกยกระดับขึ้นมาทั้งมาหมด แต่เมื่อพูดถึง Liverpool ก็ต้องพูดถึงเกมรุก ที่สถิติการยิงประตูของฤดูกาล 2013/14 และ 2018/19 มีจำนวนมากพอกัน ดังนั้นเราจะมาแยกว่า ใครที่มีฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งกว่ากันในแต่ละตำแหน่ง

 ตำแหน่งกองกลาง
Jordan Handerson (2013/14) vs James Milner (2018/19)
สำหรับในตำแหน่งนี้นั้้น เป็นการแข่งของนักเตะดาวรุ่ง (ณ เวลานั้น) กับ นักเตะอายุเยอะ ที่มากประสพการณ์ การย้ายเข้ามาของ Jordan Handerson เพราะฟอร์มที่โดดเด่นในการเชื่อมเกมแดนกลาง และกำหนดจังหวะช้าเร็ว รวมไปถึงรับผิดชอบเกมรับ แม้จะมีความผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ฟอร์มในปีนั้นของเค้าถือว่าไม่ธรรมดาเลย และเมื่อเทียบกับ James Milner อีกหนึ่งกองกลางไดนาโมที่วิ่งไม่มีหมด และยังสามารถเล่นได้ในสารพัดตำแหน่ง ทำให้ตำแหน่งนี้เป็นอะไรที่ยากเหลือเกินที่จะเลือกคนที่ฟอร์มดีกว่าขึ้นมา แต่เราก็ขอเลือก Jordan Handerson เพราะฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนั้นของเค้ามันดูดีเอาซะจริงๆ

วัดกันไปเลย !! ชุดเกือบแชมป์ Liverpool 2013/14 กับ 2018/19 ตำแหน่งไหนดีกว่ากันตำแหน่งกองกลาง
Steven Gerrard (2013/14) Vs Fabinho (2018/2019)
ในตำแหน่งนี้คิดว่าน่าจะกินขาดแค่เพียงเห็นชื่อแล้ว แม้ Steven Gerrad จะมีรอยด่างพร้อยในตำนานอย่าง จังหวะลื่นล้ม จนพลาดแชมป์และถูกแฟนบอลต่างทีมเอาไปทำ Meme ล้อเลียนกัน แต่ถ้าไม่นับจังหวะนี้ ในฤดูกาล 2013/14 นั้น ก็ถือว่าเป็นอีกฤดูกาลที่ Steven Gerrard โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วย พลังการเคลื่อนตัวไปทั่วสนามของเค้า ที่เหมือนไดนาโมไม่มีวันหมด, ลูกยิงไกลที่หวังผลได้เสมอเมื่ออยู่ในระยะทำการ, รวมไปถึง Asssit ทั้้งไกลและใกล้ด้วยลูกส่งที่เฉียบคม ทำให้เค้าทำได้ 12 ประตูและ 20 กว่า Asssit เมื่อเทียบกับ Fabinho ที่เหมือนจะยังหาฟอร์มเก่งของตัวเองเมื่อตอนเล่นกับทีม Monaco ไม่เจอ ลงมาก็็เล่นเก้ๆกังๆ จนแฟนบอลตั้งข้อสงสัยว่าถูกย้อมแมวมาหรือเปล่า ทำให้ในตำแหน่งนี้นั้น Steven Gerrard เหนือกว่าอย่างชัดเจนเลย

ตำแหน่งกองกลางตัวรุก
Philippe Coutinho (2013/14) Vs Georginio Wijnaldum (2018/19)
ตำแหน่งกองกลางตัวรุกนั้น ถือเป็นตำแหน่งสำคัญของเกมฟุตบอล แต่ในส่วนของ Liverpool ทั้งสองยุคนั้น ยังไม่ถือว่ามีบทบาทที่โดดเด่นนัก แม้ Philippe Coutinho จะเป็นนักเตะที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทที่เยี่ยมยอดในฤดูกาลต่อมา แต่ในฤดูกาล 2013/14 ตัวเค้ายังเป็นดาวรุ่งที่พยายามจะส่องไกลเพียงอย่างเดียว ส่วน Georginio Wijnaldum นั้น ในฤดูกาล 2018/19 ยังไม่มีบทบาทที่โดดเด่นนักในตำแหน่งตัวรุก ตัวเค้าแม้จะลงมายิงประตูสำคัญหลายครั้้ง แต่คุณภาพของตัวเค้ายังเล่นไม่ถึงกับที่เค้าโชว์ฟอร์มไว้กับ Newcastle แต่ถ้าให้เราเลือกใคร Philippe Coutinho ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแม้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น

ตำแหน่งปีก
Raheem Sterling (2013/14) Vs Mohamed Salah (2018/19)
ในตำแหน่งปีกนั้น ถือว่ามีผลงานโดดเด่นทั้งสองคน ในส่วนของ Raheem Sterling ในฤดูกาล 2013/14 เป็นผู้เล่นตำแหน่งปีก ที่มีดีกรีถึงเจ้าของรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม ตัวเค้ามีความเร็วที่สามารถฉีกกระชากกองหลังอีกฝั่งตรงข้ามไดทันที ทำให้สามารถซัดประตูให้ Liverpool ได้ถึง 9 ลูก แต่เค้าโชคร้ายนักที่ต้องมาเทียบกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Mohamed Salah ปีกซุปตาร์ทีมชาติอียิปต์ที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นสุดๆ จนสามารถคว้ารางวัล PFA ในปี 2018 ได้เลย เพราะสามารถซัลโวประตูไปได้มากมาย และเหมือนในฤดูกาล 2018/19 ฟอร์มการเล่นของเค้าก็ดูจะไม่ตกลงไปเลย เค้ายังซัลโวได้อีก 19 ลูก แม้จะไม่เว่อร์วังเท่าฤดูกาลก่อนหน้านี้ แต่ก็ทำให้เราเลือกเค้าเป็นผู้เล่นที่ดีกว่าได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ตำแหน่งปีก
Daniel Sturridge (2013/14) Vs Sadio Mane ( 2018/19)
Daniel Sturridge เป็นกองหน้าที่กระดูกยูง มีอาการบาดเจ็บบ่อยมาก และค่อยๆถูกหลงลืมไปตามกาลเวลา แต่ไม่ใช่ในช่วงปี 2013/14 เค้าจับคู่กับ Luis Surez ได้แบบเคมีตรงกันสุดๆ จนสามารถซัลโวประตูให้กับ Liverpool ไปได้มากกว่า 20 ลูกเลย เรียกว่าเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเค้ากับ Liverpool เลยหละ และเมื่อเทียบกับ Sadio Mane ก็มีผลงานไม่แพ้กัน เค้าเป็นนักเตะตัวความหวังที่ยามใด Mohamed Salah ฟอร์มตกลงไป ก็จะมี Sadio Mane เข้ามายิงประตูทดแทนทันที แต่เมื่อเทียบกันแล้ว Daniel Sturridge ในยุค 2013/14 มันเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ และเฉือนชนะ Sadio Mane ไปได้แค่นิดเดียว

ตำแหน่งศูนย์หน้า
Luis Surez (2013/14) Vs Roberto Firmino (2018/19)
ในฤดูกาล 2018/19 นั้น ฟอร์มของ Roberto Firmino หรือบ็อบบี้ ที่เราเรียกกันนั้น แทบว่าสำคัญไม่แพ้ตำแหน่งใดๆ เลย ด้วยบทบาทการเล่นแบบ Fales 9 ที่คอยเชื่อมเกมกับตัวรุกอื่นๆ ทำให้เมื่อยามใดไม่มีเค้าลงเล่น เกมรุกของ Liverpool จะด้อยศักยภาพลงไม่ต่ำกว่า 30% แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับ Luis Surez กองหน้าจอมกัดของเรา ที่เล่นพังประตูเป็นว่าเล่น เค้ายิงได้มากถึง 31 ประตู และถือเป็นส่วนสำคัญของเกมรุก Liverpool ในยุคนั้นเลยหละ

เรียกได้ว่าเมื่อมาเทียบกันในแนวรุกแล้ว ก็มีอาการแพ้ชนะ สลับกันไป ทำให้เห็นว่าถ้าเทียบกัน ตำแหน่งต่อตำแหน่ง เกมรุกในยุค 2013/14 และ 2018/19 ก็มีความดุร้ายไม่แพ้กันเลย