5 ความทรงจำสำคัญ ฤดูกาลสุดท้ายที่ผีแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยังคงครองสถิติเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษมากที่สุดถึง 20 สมัย แบ่งเป็นในยุคของพรีเมียร์ลีกถึง 13 ครั้ง แต่ความจริงก็คือ นับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา พวกเขาไม่ได้แชมป์ลีกอีกเลย และต้องใช้คำว่า “ไม่ได้ลุ้น” ด้วยซ้ำ แต่ในฤดูกาล 2020-2021 ทีมปีศาจแดงมีโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เมื่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมปัจจุบันพาทีมนำเป็นจ่าฝูงของลีกอยู่ในตอนนี้

ขอพาแฟนบอลย้อนความทรงจำไปยังฤดูกาล 2012-13 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ว่ามี 5 เรื่องสำคัญอะไรบ้าง ที่แฟนบอลจะต้องนึกถึง

5 ความทรงจำสำคัญ ฤดูกาลสุดท้ายที่ผีแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
5 ความทรงจำสำคัญ ของฤดูกาลสุดท้ายที่ทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

1. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
หลังจากเสียแชมป์ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนาทีสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รู้ดีว่า เขาต้องเสริมนักเตะที่ดีที่สุดเข้ามา หากหวังทวงแชมป์คืนทันที โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ คือนักเตะที่เด่นที่สุดในซีซั่น 2011-12 เขาคว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกด้วยผลงานซัดไปถึง 30 ประตู แต่เจ้าตัวเหลือสัญญากับ อาร์เซน่อล เพียงปีเดียว

นั่นทำให้หลายสโมสรให้ความสนใจซื้อตัวไป เพราะดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ประกาศชัดว่าอยากย้ายทีมแล้ว โดยทีมที่ตกเป็นข่าวมีทั้ง ยูเวนตุส รวมไปถึงคู่ปรับสำคัญอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่ ฟาน เพอร์ซี่ เลือก เขาอยากร่วมงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งแสดงความจริงจังอยากได้ตัวเขามาร่วมทีม เมื่อยอมทุ่มเงินถึง 24 ล้านปอนด์ แลกกับการได้ตัวนักเตะวัย 29 ปี ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าว ถือว่าไม่น้อยในสมัยนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนักเตะที่เหลือสัญญาแค่ปีเดียว

และในที่สุด ฟาน เพอร์ซี่ ก็เป็นกุญแจสำคัญ สำหรับการพา แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์ เมื่อลงสนามในพรีเมียร์ลีกครบทั้ง 38 นัด ซัดไปถึง 26 ประตู คว้าดาวซัลโวสูงสุด และนั่นคือแชมป์ลีกสมัยแรกของ RVP ด้วย ประตูที่แฟนบอลจดจำมากที่สุด คงหนีไม่พ้นลูกวอลเลย์แบบไม่ต้องจับจากระยะกว่า 25 หลาในเกมถล่ม แอสตัน วิลล่า 3-0 ซึ่งเขาทำแฮตทริก และนั่นคือชัยชนะที่การันตีแชมป์ให้ผีแดง

2. ประเดิมด้วยความพ่ายแพ้
แม้ซีซั่นดังกล่าว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำผลงานสุดยอด และรั้งจ่าฝูงยาวตั้งแต่นัดที่ 13 ไปจนกระทั่งจบฤดูกาล แต่เกมนัดแรก พวกเขาไม่ได้แต้มติดมือเลยแม้แต่คะแนนเดียว ทีมปีศาจแดงออกสตาร์ทเกมแรกของซีซั่น 2012-13 ด้วยการลงเล่นในคืนวันจันทร์ โดยบุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่คุมทีมโดย เดวิด มอยส์ เอฟเวอร์ตันเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า โดยโจมตีด้วยลูกโด่ง ซึ่งหลังจากที่ ดาบิด เด เคอา อุตส่าห์เซฟช่วยทีมหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็โดน มารูยาน เฟลไลนี่ โขกประตูชัยจนได้ในครึ่งหลัง และแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-1

3. โกงความตายนับไม่ถ้วน
ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลดังกล่าว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์คว้าชัยชนะในช่วงท้ายเกมได้หลายต่อหลายนัด ไม่ว่าจะเป็นนัดที่บุกแซงอัด เซาธ์แฮมป์ตัน 3-2, บุกเฉือน ลิเวอร์พูล 2-1, แซงดับ แอสตัน วิลล่า 3-2 จากที่โดน 2 ประตู, รัวยิงแซง นิวคาสเซิ่ล 4-3 ในนาทีสุดท้าย แต่ชัยชนะที่แฟนบอลน่าจะตื่นเต้นที่สุด คงหนีไม่พ้นการบุกอัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 ถึง เอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยฟรีคิกจาก ฟาน เพอร์ซี่ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เพราะนั่นทำให้ทีมได้ 3 แต้มสำคัญ จนคู่ปรับร่วมเมืองไม่มีโอกาสทำอันดับแซงได้อีกเลย จนกระทั่งจบฤดูกาล

4. แฮตทริกของคากาวะ
ในวันที่ 2 มีนาคม 2013 คือวันประวัติศาสตร์สำหรับวงการฟุตบอลเอเชีย เมื่อ ชินจิ คากาวะ กองกลางทีมชาติญี่ปุ่น ที่สโมสรเพิ่งคว้าตัวจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์ สร้างชื่อเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ทำแฮตทริกได้ในพรีเมียร์ลีก ในเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่ม นอริช ซิตี้ 4-0 ทั้ง 3 ประตูที่ คากาวะ ทำได้ในเกมนั้น ยังเป็นการยิงแบบชาญฉลาดและเหนือชั้นสุดๆ โดยสื่ออังกฤษบางสำนัก ถึงกับยกให้นั่นคือ “แฮตทริกที่เยือกเย็นที่สุด” ลูกหนึ่งของพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว

5. ป๋าเฟอร์กี้ สละบัลลังก์
วันที่ 8 พฤษภาคม 2013 คือวันที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเจอกับข่าวที่ช็อคที่สุดในโลก เมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมคู่บารมี ประกาศยืนยันว่าจะลงจากตำแหน่งทันทีที่จบฤดูกาล หลังคุมทีมนานถึงเกือบ 27 ปี หลังจากนั้นวันเดียว เซอร์ อเล็กซ์ ก็ประกาศว่า คนที่เขาเลือกให้มาแทนคือบุรุษเลือดสกอตติชเหมือนกันอย่าง เดวิด มอยส์ ซึ่งตอนนั้นเป็นกุนซือของเอฟเวอร์ตัน

เกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นัดสุดท้ายของเฟอร์กี้ จบลงด้วยชัยชนะเหนือ สวอนซี ซิตี้ 2-1 จากประตูชัยช่วงท้ายเกมของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งหลังจบเกมดังกล่าว ก็มีพิธีฉลองแชมป์ และมีพิธีอำลาตำแหน่งให้กับสุดยอดกุนซือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนี้ด้วย ขณะที่เกมนัดสุดท้ายที่ เซอร์ อเล็กซ์ คุม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จบลงด้วยสกอร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงที่เขาคุมทีม นั่นคือผลเสมอ 5-5 ที่สนามของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน

โดยเกมดังกล่าว โรเมลู ลูกากู ทำแฮตทริกให้เวสต์บรอมวิช ส่วนนักเตะคนสุดท้ายที่ยิงได้ในยุคของป๋าเฟอร์กี้ ก็คือ ชิชาริโต้ หลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาทีมไป แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนผู้จัดการทีมมาแล้วถึง 5 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ เดวิด มอยส์, ไรอัน กิ๊กส์, หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ่ มูรินโญ่ มาจนถึงปัจจุบันคือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์