5 เหตุผล ทำไมผียอมทุ่มโหด กระชาก แม็คไกวร์

หลังจากตกเป็นข่าวลือมาตลอดช่วงซัมเมอร์ ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็สามารถบรรลุข้อตกลงคว้าตัว แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ปราการหลังตัวเก่งทีมชาติอังกฤษจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังยอมทุ่มเงินเป็นค่าตัวสถิติโลกของกองหลังสูงถึง 80 ล้านปอนด์ แน่นอนว่าด้วยราคาขนาดนี้ ย่อมทำให้ใครๆ ต่างก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “แพงเกินไป” เพราะย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน เงินจำนวน 80 ล้านปอนด์ สามารถซื้อตัวรุกที่ดีที่สุดในโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปร่วมทีมได้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม 5 เหตุผลต่อไปนี้ คือความยอดเยี่มของ แม็คไกวร์ ที่ทำให้ทีมปีศาจแดงต้องยอมกลั้นใจจ่ายเงินจำนวนมหาศาล ดึงตัวมาแก้จุดอ่อนในแนวรับในที่สุด

5 เหตุผล ทำไมผียอมทุ่มโหด กระชาก แม็คไกวร์

1. เป็นเจ้าเวหาตัวจริง
แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มีส่วนสูงถึง 194 เซนติเมตร ถือว่าสูงกว่าทั้ง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ (187), เอริก ไบยี่ (187), ฟิล โจนส์ (180), มาร์กอส โรโฮ (189) ขณะที่ คริส สมอลลิ่ง คือคนเดียวของทีมชุดนี้ ที่มีส่วนสูง 194 เซนติเมตรเท่ากัน ด้วยส่วนสูงที่โดดเด่น ทำให้ แม็คไกวร์ มีสถิติขึ้นดวลลูกโหม่งชนะสูงถึง 78.1% ถือเป็นสถิติที่ดีที่สุด ในบรรดาผู้เล่นที่ขึ้นดวลลูกกลางอากาศไม่น้อยกว่า 50 ครั้งในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 แม้แต่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ของ ลิเวอร์พูล ที่ถูกยกให้เป็นกองหลังที่เก่งที่สุดยุคนี้ ยังมีสถิติเป็นรองด้วยซ้ำ โดย ฟาน ไดค์ ทำได้ 74.9% เท่านั้นเอง

2. ไม่เคยทำเข้าประตูตัวเองในลีกสูงสุด
เซนเตอร์แบ็กระดับซีเนียร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกคน ล้วนเคยผ่านประสบการณ์ทำเข้าประตูตัวเองในพรีเมียร์ลีกมาหมดแล้ว แต่สำหรับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่แม้จะยังไม่เคยลงเล่นให้ทีมใหญ่มาก่อน แต่เขายังไม่เคยพลาดสกัดบอลเข้าประตูผิดฝั่งในเกมลีกสูงสุดแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นสมัยที่เล่นให้ ฮัลล์ ซิตี้ ซีซั่น 2016-17 และ เลสเตอร์ ซิตี้ ในช่วง 2 ปีหลังสุด

3. ช่วยเกมรุกได้เยี่ยม
ฤดูกาลที่แล้ว แฮร์รี่ แม็คไกวร์ สามารถทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้ถึง 3 ลูก ถือว่ามากกว่าเซนเตอร์แบ็ก แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคนทำได้รวมกันเสียอีก โดยซีซั่นก่อน เซนเตอร์แบ็กของทีมปีศาจแดงมีเพียง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ คริส สมอลลิ่ง เท่านั้น ที่ทำประตูได้ โดยยิงได้คนละ 1 ประตู นอกจากเติมขึ้นไปยิงได้แล้ว แม็คไกวร์ ยังมีสถิติเป็นเซนเตอร์แบ็กที่สามารถเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก (17 ครั้ง) แถมยังผ่านบอลมากถึง 1,747 ครั้ง ถือว่ามากเป็นอันดับ 6 ของนักเตะตำแหน่งเซนเตอร์ และเหนือกว่ากองหลังตัวกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคนเลยทีเดียว

4. ร่างกายดีเยี่ยม พร้อมลงตัวหลักได้ยาว ๆ
แฟนบอลทีมปีศาจแดงคงรู้กันดี ว่ากองหลังที่มีอยู่ มักสลับกันเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานเป็นประจำ แถมล่าสุด เอริก ไบยี่ ก็เจ็บหนักในช่วงปรีซีซั่น จนอดลงเล่นตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้เรียบร้อยแล้ว ในฤดูกาล 2018-19 แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีเซนเตอร์คนไหน สามารถลงสนามเกมลีกได้ถึง 30 นัดแม้แต่คนเดียว ผิดกับ แม็คไกวร์ ที่ในรอบ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาพลาดช่วยทีมในพรีเมียร์ลีกไปเพียง 7 นัดเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีซั่น 2017-18 แม็คไกวร์ ลงเล่นเต็มเกมครบทั้ง 38 นัดตลอดฤดูกาล จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นปราการหลังตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ ชุดคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2018 และแจ้งเกิดเต็มตัวในระดับสูงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

5. ฝีเท้าดีกว่าเซนเตอร์ผีแดงทุกคน
แน่นอนว่า การตัดสินใจทุ่มเงินเป็นประวัติการณ์ขนาดนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องมั่นใจแล้วว่านี่คือนักเตะที่จะเข้ามาทำให้ทีมแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจนจริง ๆ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มีสถิติการตัดบอล,​ เคลียร์บอล, ชนะดวลลูกกลางอากาศ, การสอดขึ้นไปทำประตู, การผ่านบอลสำเร็จ เหนือกว่าเซนเตอร์ทุกคนของทีมปีศาจแดงเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และเมื่อบวกกับการที่เขาเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษ และอายุเพิ่งจะ 26 ปี ถือว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีนักเตะโฮมโกรนไว้ใช้งานอีกนานเกือบ 10 ปีเลยทีเดียว

แต่สุดท้าย เงิน 80 ล้านปอนด์จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ ตัวของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เท่านั้น ที่จะให้คำตอบได้ และคงต้องใช้เวลาพิสูจน์ฝีเท้าในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกพอสมควร