นักเตะสายเลือดโปรตุกีสที่เคยค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ที่ผ่านมา ทีมปีศาจแดงเคยเซ็นสัญญาคว้านักเตะสายเลือดโปรตุกีสมาร่วมทัพทั้งหมด 5 คน จะเป็นใครบ้าง และแต่ละคนทำผลงานได้ในระดับไหน เราจะมาย้อนให้ดูกัน

1. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ( 2003 – 2009 ) ย้ายจาก : สปอร์ติ้ง ลิสบอน
นี่คือนักเตะสายเลือดฝอยทองคนแรกในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่เขาจะร่วมสร้างประวัติศาสตร์อีกมากมาย เมื่อย้ายสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมปีศาจแดงคว้าตัวปีกจอมสับรายนี้ไปอยู่ด้วย คือการโชว์ผลงานสุดยอดในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นเมื่อปี 2003 พา สปอร์ติ้ง ลิสบอน เอาชนะทีมปีศาจแดงไป 3-1 ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เดินเรื่องคว้าตัวดาวเตะวัย 18 ปีคนนี้มาเสริมแนวรุกทันที

สุดท้าย โรนัลโด้ ก็กลายเป็นนักเตะปีศาจแดงด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ พร้อมได้เสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเคยตกเป็นของตำนานอย่าง เอริก คันโตน่า และ เดวิด เบ็คแฮม

แม้ช่วงแรก ๆ เขาจะโชว์ลีลาเล่นยากบ่อยเกินไป จนทำให้แฟนบอลบ่นไม่น้อย แต่สุดท้ายก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ จนคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ครบทุกรายการกับสโมสร ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 ปีซ้อน, แชมป์ เอฟเอ คัพ กับ ลีก คัพ อย่างละ 2 สมัย

และที่พีคที่สุดคือปี 2008 ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (พ่วงด้วยแชมป์ลีก) นั่นทำให้เขาได้รางวัล บัลลง ดอร์ เป็นครั้งแรกในชีวิต

โรนัลโด้ ทำผลงานยิงไปถึง 118 ประตูจาก 292 นัดรวมทุกรายการให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนย้ายสู่ เรอัล มาดริด ด้วยราคาสูงถึง 80 ล้านปอนด์ และนับตั้งแต่เขาจากทีมไป ก็ยังไม่มีใครคนไหนทำผลงานได้ดี สมกับที่ได้เสื้อหมายเลข 7 ไปใส่แทนอีกเลย

นานี่ ( 2007 - 2015 ) ย้ายจาก : สปอร์ติ้ง ลิสบอน
นานี่

2. นานี่ ( 2007 – 2015 ) ย้ายจาก : สปอร์ติ้ง ลิสบอน
ก่อนเริ่มฤดูกาล 2007-08 ปีกหน้าอาบังรายนี้ ย้ายไปร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมๆ กับ อันแดร์สัน กองกลางบราซิเลียน ที่สโมสรคว้าตัวจาก เอฟซี ปอร์โต้

นานี่ คือส่วนหนึ่งของทีมชุดแชมป์ยุโรปเมื่อปี 2008 โดยเป็นหนึ่งในมือสังหารช่วงดวลจุดโทษที่เอาชนะ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ และ 3 ฤดูกาลแรก ที่เขาค้าแข้งในอังกฤษ ล้วนจบด้วยตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกทุกปี แม้จะไม่ได้ลงเล่นสม่ำเสมอนักก็ตาม

แต่หลังจากรุ่นพี่อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายไป เรอัล มาดริด เมื่อปี 2009 ทำให้ “ปีกอินดี้” รายนี้ได้โอกาสลงสนามมากขึ้น โดยในซีซั่น 2010-11 เขาโชว์ฟอร์มโดดเด่นจนติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล และเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของดาวเตะรายนี้ คือการรักษามาตรฐานไว้ได้ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ค่อยๆ กลับกลายเป็นตัวสำรองอีกครั้ง ในช่วงท้ายของชีวิตค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

หลุยส์ ฟาน กัล ปล่อยเขาให้ย้ายกลับไปเล่นให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แบบยืมตัว 1 ฤดูกาลเมื่อปี 2014 ก่อนจะขายขาดออกจากทีมให้กับ เฟเนร์บาห์เช่ ในอีก 1 ปีถัดมา ด้วยค่าตัวสุดถูกเพียง 4.25 ล้านปอนด์

3. เบเบ้ ( 2010 – 2014 ) ย้ายจาก : วิคตอเรีย กีมาไรส์
หนึ่งในการซื้อตัวที่ล้มเหลวที่สุดในชีวิตการคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะสโมสรต้องทุ่มเงินถึง 7.4 ล้านปอนด์ คว้าตัวดาวเตะโนเนมรายนี้มาร่วมทีม เงินจำนวนนั้น ควรจะไปซื้อดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์มากกว่าอย่าง เอแด็น อาซาร์ หรือ ฮาเมส โรดริเกซ ไม่ใช่นักเตะที่มีดีกรีเพียง “ทีมชาติโปรตุเกสชุดนักเตะไร้บ้าน” แบบนี้

ทีมปีศาจแดงคว้าตัว เบเบ้ หลังจากที่เขาเซ็นสัญญาไปร่วมทีม วิคตอเรีย กีมาไรส์ ได้เพียง 5 สัปดาห์ นั่นทำให้เขายังไม่เคยมีประสบการณ์ลงสนามในลีกสูงสุดแม้แต่นัดเดียว ก่อนเก็บข้าวของย้ายไปค้าแข้งที่อังกฤษ

เบเบ้ อาจจะยิงได้ 2 ประตูจากการลงสนามรวมทุกรายการ 7 นัดให้ แมนฯ ยูไนเต็ด (ทั้ง 2 ประตู ไม่ได้เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก) แต่เขาไม่เคยปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตค้าแข้งบนเกาะอังกฤษได้เลย

ในช่วงปี 2011-2014 เบเบ้ ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของป๋าเฟอร์กี้อีก จึงโดนปล่อยยืมตัวไปยังทีมเล็กๆ ต่างแดนทุกปี ก่อนที่ปี 2014 จะถูกขายทิ้งให้ เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวสุดถูก ปัจจุบัน เบเบ้ ในวัย 29 ปี ยังคงค้าแข้งกับ ราโย บาเยกาโน่ สโมสรที่เพิ่งตกชั้นจาก ลา ลีกา สเปน ฤดูกาลล่าสุด

4. โจเอล คาสโตร เปเรยร่า ( 2012 – ปัจจุบัน )ย้ายจาก : ทีมเยาวชน เนอชาแตล ซามักซ์
ผู้รักษาประตูซึ่งเกิดที่สวิตเซอร์แลนด์รายนี้ ย้ายสู่อะคาเดมี่ทีมปีศาจแดงตอนอายุ 16 ปี และเคยถูก โชเซ่ มูรินโญ่ ยกย่องว่ามีพรสวรรค์มากพอที่จะเป็นสุดยอดนายประตูของยุโรปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม จากการที่สโมสรมีทั้ง ดาบิด เด เคอา ที่ยึดมือหนึ่งอย่างยาวนาน และมือสองที่ไว้ใจได้อย่าง เซร์คิโอ โรเมโร่ อยู่แล้ว ทำให้ เปเรยร่า ถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวแทบทุกปี และปัจจุบันในวัย 23 ปีเข้าไปแล้ว แม้จะยังมีสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะมีตำแหน่งในทีมชุดใหญ่

5. ดีโอโก้ ดาโล่ต์ (2018-ปัจจุบัน) ย้ายจาก : เอฟซี ปอร์โต้
ฟูลแบ็กจอมบุกที่เล่นริมเส้นได้ทั้ง 2 ข้าง ถูก โชเซ่ มูรินโญ่ ดึงตัวจาก เอฟซี ปอร์โต้ เมื่อซัมเมอร์ 2018 ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ ซึ่งเขามีประสบการณ์เคยลงสนามในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พบ ลิเวอร์พูล มาแล้ว ก่อนย้ายมาเล่นในอังกฤษ

ดาโล่ต์ มักถูกจับเป็นตัวสำรองเสียส่วนใหญ่ในช่วงแรก แต่พอเข้าสู่ปี 2019 เมื่อบรรดานักเตะทีมชุดใหญ่หลายคนบาดเจ็บ ทำให้เขาได้โอกาสลงเล่นมากพอสมควร

โมเมนต์ที่น่าประทับใจที่สุดของ ดาโล่ต์ กับทีมปีศาจแดง คือการยิงไกลไปติดแขนของ มาร์กินโญส ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ปารีส นำมาสู่ประตูชัยประวัติศาสตร์ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ซัดโกงความตายดับ เปแอสเช 3-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างเหลือเชื่อ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา